ควรใช้วิตามินซีเข้มข้นเท่าไร ไขข้อข้องใจความกระจ่างใสของผิว

เปิดข้อสงสัย คลี่คลายทุกคำถาม ใครที่อยากมีผิวหน้าใสด้วยวิตามินซี ควรใช้วิตามินซีเข้มข้นเท่าไรถึงจะช่วยบำรุงผิวได้จริง พร้อมรู้สาเหตุของผิวหมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ

ควรใช้วิตามินซีเข้มข้นเท่าไร VICHY พาไขข้อข้องใจเรื่องความกระจ่างใสของผิว



เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าที่กระจ่างใส เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริง เราต้องเจอปัญหาผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส ที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ขาดความมั่นใจ หลายคนจึงหันมาพึ่งพาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เพราะรู้ดีว่าวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซี โดยเฉพาะวิตามินซีบริสุทธิ์ นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด



หลายคนอาจเคยเจอปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ก็เลยตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซี แต่ก็มาพบกับปัญหาอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น



  • ไม่รู้จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเข้มข้นเท่าไหร่ดี
  • เคยใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซีแล้วเกิดการระคายเคือง
  • กลัวว่าการใช้วิตามินซีเข้มข้นจะทำให้ผิวบางลง
  • ไม่เข้าใจกลไกการทำงานของวิตามินซีในผิวหนัง


ยิ่งเราไม่รู้ เราก็ยิ่งไม่กล้าตัดสินใจลองใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเมื่อใช้แล้วเกิดปัญหา ระคายเคือง หรือแสบยิบ ๆ เราก็จะไม่กล้าใช้ต่อ VICHY ขอพอทุกคนไปทำความรู้จักกับ วิตามินซี และ หลักการเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิวเรากัน ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย



Table of Contents





เคล็ดลับผิวอิ่มน้ำ

เคลียร์ให้ชัด ปัจจัยทำร้ายผิวที่ทำให้หน้าไม่ใสคืออะไร



ปัจจัยทำร้ายผิว หรือที่เรียกว่า Exposome คือ ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพผิวหน้าของเรา ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำและดูไม่มีชีวิตชีวาได้ ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยหลาย อย่าง ไม่ว่าจะเป็น สิ่งแวดล้อม ปัจจัยภายในร่างกาย และพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ของเรานั่นเอง ถ้าเราทำความรู้จักกับปัจจัยทำร้ายผิวเหล่านี้แล้ว ก็จะได้ป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้อย่างถูกต้อง โดย Exposome หรือปัจจัยทำร้ายผิวที่เราพบกันได้บ่อย เช่น



รังสี UV มลภาวะ



รังสี UV และมลภาวะ เช่น ควันจากการเผาไหม้ สารเคมีในอากาศ ฝุ่น1 PM2.5 ซึ่งมีมากยิ่งขึ้นในหลายๆพื้นที่ และบางช่วง อย่างเช่น ช่วงที่อากาศแห้ง ฝุ่น PM2.5 ก็จะยิ่งมากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งมีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า ปัจจัยนี้ทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระขึ้นที่ผิวและทำให้ผิวหมองคล้ำได้



ความเครียดสะสม2



ความเครียดสะสม2 จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ จำนวนมากในผิว รวมไปถึงการเสื่อมสภาพของเซลล์ที่มาจากฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่างเช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้เซลล์ผิวถูกทำลาย เสื่อมสภาพ ผิวจึงแลดูหมองคล้ำ และไม่สดใส



พักผ่อนไม่เพียงพอ2



นอนดึก นอนน้อย ก็เช่นเดียวกันที่ทำให้การฟื้นฟูสภาพผิวในเวลากลางคืน เกินได้น้อยลง หากเรานอนไม่พอ



อายุที่เพิ่มมากขึ้น



อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเกิดได้ช้าลง จากปกติที่รอบในการผลัดเซลล์ผิวจะอยู่ที่ประมาณ 28 วัน แต่เมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น การสร้างเซลล์ใหม่เพื่อมาแทนที่เซลล์เก่าก็จะทำได้แย่ลง และการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปก็ทำได้ช้าลงเช่นเดียวกัน จึงทำให้มีซากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและเสื่อมสภาพมาพอกตัวหนาอยู่บนชั้นผิว ผิวจึงดูหมองคล้ำไม่สดใส



วิตามินซีบริสุทธิ์ มีประโยชน์อย่างไร และควรใช้ความเข้มข้นเท่าไหร่ดี



วิตามินซี (L-Ascorbic Acid) เป็นที่รู้จักกันดีในวงการบำรุงผิว ด้วยคุณสมบัติอันทรงพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ และเสริมสร้างคอลลาเจน แต่ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์วิตามินซีหลากหลายรูปแบบ ทั้งวิตามินซีบริสุทธิ์ วิตามินซีกลูโคไซด์ และอนุพันธ์อื่น ๆ แล้วเราควรเลือกใช้แบบไหน และความเข้มข้นเท่าใดจึงเหมาะสมกับผิวของเรา ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า วิตามินซีบริสุทธิ์ ต่างจากวิตามินซีรูปแบบอื่นอย่างไร



วิตามินซีบริสุทธิ์ (L-Ascorbic Acid)



วิตามินซีบริสุทธิ์ (L-Ascorbic Acid) เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถซึมผ่านผิวได้ดี และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ3 และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน4 แต่มีความไวต่อแสงและอากาศ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายในบางคน จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการคงสภาพที่ดี



วิตามินซีกลูโคไซด์ (Ascorbyl Glucoside)



วิตามินซีกลูโคไซด์ (Ascorbyl Glucoside) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซี มีความเสถียรมากกว่า ไม่ไวต่อแสงและอากาศเท่าวิตามินซีบริสุทธิ์ จึงมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่า แต่ประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอาจด้อยกว่าเล็กน้อย



อนุพันธ์วิตามินซีอื่น ๆ (Other Vitamin C Derivatives)



อนุพันธ์วิตามินซีอื่น ๆ (Other Vitamin C Derivatives) เช่น Magnesium Ascorbyl Phosphate, Tetrahexyldecyl Ascorbate มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป บางชนิดมีความเสถียรสูง บางชนิดซึมผ่านผิวได้ดี การเลือกใช้ควรพิจารณาจากสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข แต่อย่างไรก็ตามวิตามินซี รูปแบบอื่น ๆ นี้ ยังต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุล ก่อนจึงจะทำงานที่ชั้นผิวได้



สำหรับความเข้มข้นของวิตามินซี บริสุทธิ์ ที่เหมาะสม และสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิวได้ ทั้งในด้านการปรับผิวกระจ่างใส ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนจุดด่างดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แนะนำอยู่ที่ 10-20% หมายความว่า ถ้าความเข้มข้นที่ใช้น้อยกว่า 10% ก็จะไม่ค่อนเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิว ในขณะที่ถ้าใช้ความเข้มข้นมากกว่า 20% ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระคายเคืองมากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยหลักการเลือก แนะนำตามความแข็งแรงของชั้นผิวดังนี้



  • คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย : หรือคนที่มีปัญหาผิวแห้ง แนะนำความเข้มข้นอยู่ในช่วง 10-15% ซึ่งเป็นความเข้มข้นระดับปานกลาง และแนะนำทามอยส์เจอไรเซอร์ตามด้วยเสมอ
  • คนที่ผิวสุขภาพดี : มีโครงสร้างผิวแข็งแรงอยู่แล้ว ผิวไม่ได้แพ้ง่าย หรือคนที่มีปัญหาผิวมัน สามารถใช้วิตามินซีบริสุทธิ์ ความเข้มข้นที่สูงขึ้นได้ คือ มากกว่า 15% เพื่อเห็นผลลัพธ์ในการดูแลผิวที่ดียิ่งขึ้น


เคล็ดลับผิวอิ่มน้ำ

LIFTACTIV 16% PURE VITAMIN C BRIGHTENING SERUM ช่วยบูสท์ผิวใสได้อย่างไร



เซรั่มวิตามินซี  LIFTACTIV 16% PURE VITAMIN C BRIGHTENING SERUM   ช่วยบูสท์ผิวใสได้ โดยผสานการทำงานของวิตามินซี บริสุทธิ์ 16% และ Carnosine เข้าด้วยกันเพื่อการดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ



Pure Ascorbic Acid



ด้วยสวนผสมของ Pure Ascorbic Acid ที่มีความเข้มข้น สูงถึง 16% ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในวงการแพทย์ว่าวิตามินซีบริสุทธิ์มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสารพิษต่อเซลล์ เปรียบเสมือนเป็นการดีท็อกซ์สารพิษต่างๆ ออกจากผิว อีกทั้งวิตามินซีบริสุทธิ์มีส่วนช่วยในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่เป็นจุดกำเนิดของเม็ดสีเมลานินอีกด้วย จึงช่วยเผยผิวกระจ่างใสแลดูมีออร่า



Carnosine



นอกจากนี้ใน ลิฟแอคทีฟ ขวดนี้ ยังมี Carnosine ซึ่งเป็นสารกลุ่ม dipeptide ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกริยา Glycation6 โดยที่ carnosine ยับยั้งการเกิดพันธะเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลของโปรตีน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอย



เนื้อสัมผัส



ให้เนื้อสัมผัสแบบ Aqueous solution ที่บางเบาสบายผิว สามารถใช้ได้ทั้ง เช้า และเย็น โดยลงเป็นเลเยอร์แรกสุด และสามารถตามด้วยเซรั่มชนิดอื่น ๆ ต่อได้ แล้วปิดท้ายด้วยครีมบำรุงผิวตอนกลางคืน หรือครีมกันแดดในตอนกลางวัน



สุดท้ายนี้ อย่าลืมที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ บริหารจัดการความเครียด รวมไปถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยทำร้ายผิวต่างๆ เช่น รังสี UV และ ฝุ่น PM2.5 เพื่อผิวที่สวย หน้าใส สุขภาพดีจะอยู่คู่กับเราไปนาน ๆ



  1. Grether-Beck S et al. 2020. An antioxidant cocktail containing cosmetic product (Liftactive cureR) prevents air pollution-induced skin hyperpigmentation: ex vivo Düsseldorf Pollution Skin Test. AAD 2020.
  2. Suh DH, Kim BY, Min SU, Lee DH, Yoon MY, Kim NI, Kye YC, Lee ES, Ro YS, Kim KJ. A multicenter epidemiological study of acne vulgaris in Korea. Int J Dermatol. 2011 Jun;50(6):673-81.
  3. https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminC-HealthProfessional/
  4. Firas Al-Niaimi, MRCP(UK)(Derm) and Nicole Yi Zhen Chiang, MRCP(UK)(Derm). Topical Vitamin C and the Skin: Mechanisms of Action and Clinical Applications. J Clin Aesthet Dermatol. 2017 Jul; 10(7): 14–17.
  5. ผลสำรวจในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดย AplusA และพันธมิตรร่วม ระหว่างเดือนมกราคม 2023 ถึง กรกฏาคม 2023 มีแพทย์ผิวหนังจาก 30 ประเทศเข้าร่วมโดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก
  6. Lingyu Wang. The effects of advanced glycation end-products on skin and potential anti-glycation strategies. Experimental Dermatology DOI :10.1111/exd.15065