เมื่ออายุล่วงเลย ผิวของเราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือแม้กระทั่งผิวที่ดูแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณของ "วัย" ที่มาพร้อมกับความกังวลใจของผู้หญิงและผู้ชายหลาย ๆ คน
แน่นอนว่าการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมดีกว่าการรอให้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วค่อยแก้ไข แต่หลายครั้งที่เราพบว่า "การเริ่มต้นเร็วเกินไป" หรือ "การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว" กลับกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายผิวมากกว่าที่จะช่วยฟื้นฟู หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และมักถูกพูดถึงในฐานะ "ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย" ก็คือ "เรตินอล" นั่นเอง
Retinol เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยสิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และกระชับรูขุมขน อย่างไรก็ตาม อนุพันธ์ชนิดนี้ก็เป็นสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผู้ที่เริ่มต้นใช้ในปริมาณที่มากเกินไป คำถามสำคัญ อายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่มใช้เรตินอล? ตามมาอ่านบทความนี้กัน
Table of Contents
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มใช้อนุพันธ์วิตามินเอ
ก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มต้นใช้อนุพันธ์วิตามินเอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุใดก็ตาม การทำความเข้าใจและพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากอนุพันธ์ดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
สภาพผิว: พื้นฐานที่ต้องใส่ใจ
ผิวแห้ง และผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย (Dry & Sensitive Skin): ผิวประเภทนี้มักมีเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ที่อ่อนแอ ทำให้มีแนวโน้มที่จะระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ หากคุณมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวแห้งมาก ควรเริ่มต้นด้วย Retinol ที่มีความเข้มข้นต่ำมาก ๆ เช่น 0.1%
แต่ถ้าคุณมีผิวมันหรือผิวผสม คุณมีแนวโน้มที่ใช้ได้แบบสบาย ๆ แต่ก็ต้องอย่าลืมเติมมอยส์เจอไรเซอร์แบบออยฟรี ตามหลังการใช้ด้วย
ปัญหาผิวที่คุณกำลังมีอยู่
หากคุณมีปัญหาผิวเหล่านี้ Retinol ช่วยคุณได้เลย
- ปัญหาสิวและรอยสิว
- ปัญหาริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก
- จุดด่างดำ กระ ฝ้าแดด สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผิวไม่เรียบเนียน
เนื่องจากการทำงานของสารอนุพันธ์จะช่วยทั้งเรื่องการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำออกไป อีกทั้งรบกวนการทำงานของเซลล์ที่สร้างเม็ดสีผิว จึงสามารถจัดการกับปัญหาผิวข้างต้นได้เป็นอย่างดี
สภาวะของผิวบางชนิดต้องระวังการใช้ Retinol
หากคุณมีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบ, ผื่นโรซาเซีย, โรคสะเก็ดเงิน หรือ เป็นผู้ที่มีผิว sensitive ต่อแสงแดดมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว อาจจะต้องใช้ Retinol ที่ความเข้มข้นต่ำ ๆ และใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ หรือถ้าหากคุณกำลังตั้งครรภ์ เพื่อความสบายใจของคุณแม่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่คุณแม่ฝากครรภ์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol

เคล็ดลับการใช้ Retinol อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจากวิชี่
Vichy เวชสำอางจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแพทย์ผิวหนังกว่า 70000 คนทั่วโลกมั่นใจแนะนำให้ใช้^ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ LIFTACTIV RETINOL SERUM ที่ผสานการทำงานของวิตามินเอ บริสุทธิ์ หรือ Retinol 0.2% และ Peptide เข้าด้วยกันเพื่อการดูแลปัญหาริ้วรอย และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ 1% โพรไบโอติกแฟรกชั่น เอกสิทธิ์เฉพาะของวิชี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ Retinol ของวิชี่ มีความคงตัวมากกว่า Retinol ทั่วไป เพราะใช้เทคโนโลยี เรตินอล การ์ด (Retinol Guard) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเช่นเดียวกัน จึงทำให้ Retinol สามารถถูกนำส่งไปถึงชั้นผิวได้มากกว่านั่นเอง
เคล็ดลับการใช้ Retinol อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เริ่มต้นด้วยความระมัดระวัง : เริ่มต้นด้วย Retinol ที่มีความเข้มข้นต่ำ และใช้ในปริมาณน้อย ๆ
- ให้เวลาผิวปรับตัว : ค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการใช้ เมื่อผิวเริ่มปรับตัวได้ หรือผิวลอกน้อยลงแล้วก็สามารถเพิ่มความถี่ในการใช้ได้ หรืออาจจะใช้เทคนิคที่แพทย์ผิวหนังแนะนำอย่าง Sandwich technic
- ให้ความชุ่มชื้น : ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อลดโอกาสในการระคายเคือง
- สังเกตอาการผิดปกติ : หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวแดง แสบร้อน คัน หรือลอก ควรหยุดใช้ทันที
โดยปกติแล้วแพทย์ผิวหนังมักจะแนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิด Photo-sensitivity ในเวลากลางวัน เทคนิคการใช้จึงมีหลากหลายรูปแบบ วันนี้ขอเสนอวิธีการใช้แบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้
Sandwich Technic คือ หลังจากล้างหน้าในตอนกลางคืนแล้ว ลงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเตรียมผิว (ที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอนก่อน) อย่างเช่น M89 Booster ซึ่งเป็น pre-serum ที่มีส่วนผสมของน้ำแร่ภูเขาไฟวิชี่ 89% ที่จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมที่จะรับการบำรุง จากนั้นลง ตินอล เซรั่ม แล้วปิดท้ายด้วย ไนท์ครีม อีกครั้ง จะสังเกตได้เลยว่า เรตินอลจะอยู่เลเยอร์ตรงกลาง จึงทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองลงได้ ซึ่งเทคนิคนี้ สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกคืน และสำหรับตอนกลางวันแนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม วิตามิน ซี บริสุทธิ์ อย่างเช่น วิชี่ ลิฟแอคทีฟ วิตามินซี เซรั่ม ด้วยส่วนผสมของ Pure Ascorbic Acid ที่มีความเข้มข้น สูงถึง 16% ที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในตอนกลางวัน แล้วก็ปิดท้ายด้วยกันแดด SPF50 PA++++

สรุป
การจะเริ่มใช้เรตินอลเริ่มใช้ที่อายุเท่าไรดี คำตอบ คือ ดูที่หลาย ๆ ปัจจัย เช่น ความต้องการในการดูแลผิวของเราเอง, ความแข็งแรง/ความบอบบาง ของผิวเราเอง รวมไปถึง สภาวะของผิวหรือโรคประจำตัวของเรา ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งถ้าพิจารณาแล้ว แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าช่วงอายุที่เหมาะสมในการเริ่มใช้ Retinol คือ ช่วงปลาย 20 ถึงต้น 30 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง และริ้วรอยแรกเริ่มอาจเริ่มปรากฏให้เห็น
อย่างไรก็ตาม การใช้ก็ต้องทำควบคู่กับการดูแลผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิว และใช้กันแดดที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วย นอกจากนี้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และรูทีนในการดูแลผิว เพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวไปอีกนาน ๆ
^ผลสำรวจในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดย AplusA และพันธมิตรร่วม ระหว่างเดือนมกราคม 2023 ถึง กรกฎาคม 2023 มีแพทย์ผิวหนังจาก 30 ประเทศเข้าร่วมโดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก