"ไฮยาลูรอน" และ "เรตินอล" สองส่วนผสมฮอตฮิตในวงการสกินแคร์ ที่หลายคนอาจสงสัยว่า สรุปแล้วควรใช้ตัวไหน? หรือใช้คู่กันได้ไหม? ในแวดวงความงามนั้น แพทย์ผิวหนังบอกเลยว่า ไฮยาและเรตินอลไม่ได้เป็นคู่แข่ง แต่เป็น "คู่หูดูโอ้" ที่ทำงานเสริมกันได้อย่างลงตัว! แต่จะใช้ยังไงให้ถูกต้อง ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด? บทความนี้มีคำตอบก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงวิธีการใช้ส่วนผสมไฮยาและเรตินอลร่วมกัน เรามาทำความเข้าใจคุณสมบัติของแต่ละตัวกันก่อน ไฮยาเปรียบเสมือน "ฟองน้ำ" ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ส่วน เรตินอล คือ "วิตามินเอ" ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดปัญหาสิว แต่ด้วยความเข้มข้นและกลไกการทำงานที่ค่อนข้าง Active ทำให้หลายคนกังวลว่า จะใช้คู่กันได้จริงเหรอ? ผิวจะระคายเคืองไหม? ตามมาอ่านเทคนิคการใช้ "คู่หูดูโอ้" นี้ให้ได้ผลลัพธ์ปัง ๆ แบบไม่ทำร้ายผิวกัน
Table of Contents
- การทำงานของไฮยาลูรอน และ เรตินอล ช่วยเสริมกันได้อย่างไร?
- เทคนิคการใช้เซรั่มเรตินอล และ ไฮยาลูรอน จากวิชี่?
การทำงานของไฮยาลูรอน และ เรตินอล ช่วยเสริมกันได้อย่างไร?
การทำงานของไฮยาลูรอน และ เรตินอล ช่วยเสริมกันได้อย่างไร หลายคนอาจมองว่าเรตินอลเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้าง "แรง" และอาจทำให้ผิวแห้งลอก หรือระคายเคืองได้ง่าย นั่นเป็นเพราะเรตินอลมีกลไกการทำงานดังต่อไปนี้
ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย เรตินอล กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก ให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน สดใส ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เรตินอล ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ ที่เกิดจากแสงแดดและวัยที่เพิ่มขึ้น เผยผิวสว่าง กระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ
กระชับรูขุมขน
กระชับรูขุมขน มีส่วนช่วยลดความมันส่วนเกิน ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
ลดการเกิดสิว
ลดการเกิดสิว เรตินอล ช่วยควบคุมความมัน ลดการอุดตัน และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จึงช่วยลดการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เมื่อผิวถูกผลัดออกไป ผิวก็จะสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไปพร้อมกัน ทำให้เกิดอาการผิวแห้ง แดง ลอก หรือคันตามมาได้ ซึ่งนี่แหละคือจุดที่ "ไฮยาลูรอน" เข้ามามีบทบาทสำคัญ!
ไฮยาลูรอน มีกี่ขนาดโมเลกุล
ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid หรือ HA) ไม่ได้มีดีแค่เรื่องให้ความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังตามธรรมชาติ ทำหน้าที่เป็นเหมือน "โครงสร้าง" ที่ช่วยพยุงผิวให้เต่งตึง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณไฮยาในผิวจะลดลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย และหย่อนคล้อย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ไฮยามีหลายขนาดโมเลกุล ซึ่งแต่ละขนาดก็มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกันต่อผิว
- ไฮยาลูรอนโมเลกุลใหญ่ : ทำหน้าที่เคลือบผิวชั้นบน ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูทันทีหลังใช้ แต่ไม่สามารถซึมลงสู่ผิวชั้นลึกได้
- ไฮยาลูรอนโมเลกุลเล็ก :ซึมลงสู่ผิวชั้นลึกที่สุด กระตุ้นการสร้างไฮยาตามธรรมชาติของผิว ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน และลดเลือนริ้วรอย
ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาที่มีขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างครอบคลุม ทั้งในด้านการให้ความชุ่มชื้น การปกป้องผิวชั้นบน และการฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน และแน่นอน ไฮยาสามารถช่วยเสริมการทำงานของ เรตินอล บริสุทธิ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของการลดเลือนริ้วรอย และช่วยปลอบประโลมผิว ลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองจากการใช้เรตินอล (ในกรณีที่ผิวบางคนอาจจะบอบบางแพ้ง่ายเป็นพิเศษ)
เทคนิคการใช้เซรั่มเรตินอล และ ไฮยาลูรอน จากวิชี่?
Vichy เวชสำอางจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแพทย์ผิวหนังกว่า 70,000 คนทั่วโลกมั่นใจแนะนำให้ใช้^ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ LIFTACTIV RETINOL SERUMที่ผสานการทำงานของวิตามินเอ บริสุทธิ์ หรือ เรตินอล 0.2% และ Peptide เข้าด้วยกันเพื่อการดูแลปัญหาริ้วรอย และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ 1% โพรไบโอติกแฟรกชั่น เอกสิทธิ์เฉพาะของวิชี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรตินอลของวิชี่ มีความคงตัวมากกว่าเรตินอลทั่วไป เพราะใช้เทคโนโลยี เรตินอล การ์ด (Retinol Guard) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเช่นเดียวกัน จึงทำให้เรตินอลสามารถถูกนำส่งไปถึงชั้นผิวได้มากกว่านั่นเอง
โดยปกติแล้วแพทย์ผิวหนังมักจะแนะนำให้ใช้เรตินอลในเวลากลางคืน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิด Photo-sensitivity ในเวลากลางวัน เทคนิคการใช้เรตินอลจึงมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวันนี้วิชี่ขอนำเสนอมาเป็นไอเดียง่ายๆ 2 แบบก่อนแล้วกัน

แบบที่ 1 : Sandwich Technique
Sandwich Technique คือ หลังจากล้างหน้าในตอนกลางคืนแล้ว ลงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเตรียมผิว ที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอนก่อน อย่างเช่น M89 Booster ซึ่งเป็น pre-serum ที่มีส่วนผสมของน้ำแร่ภูเขาไฟวิชี่ 89% ขั้นตอนแรกที่จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมที่จะรับการบำรุง พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันผิวแข็งแรง จากนั้นลง ตินอล เซรั่ม แล้วปิดท้ายด้วย ไนท์ครีม เช่น MINERAL 89 Moisture Boosting Cream อีกครั้ง จะสังเกตได้เลยว่า เรตินอลจะอยู่เลเยอร์ตรงกลาง จึงทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองลงได้ ซึ่งเทคนิคนี้ สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกคืน และสำหรับตอนกลางวันแนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม วิตามิน ซี บริสุทธิ์ อย่างเช่น วิชี่ ลิฟแอคทีฟ วิตามินซี เซรั่ม ด้วยส่วนผสมของ Pure Ascorbic Acid ที่มีความเข้มข้น สูงถึง 16% ที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในตอนกลางวัน แล้วก็ปิดท้ายด้วยกันแดด SPF50 PA++++

แบบที่ 2 : Skin Cycling Retinol
Skin Cycling Retinol เป็นรูปแบบที่พิถีพิถันมากยิ่งขึ้นในการใช้เรตินอล ประยุกต์ และปรับเปลี่ยนได้อีกหลากหลายรูปแบบตามความ sensitive ของผิวเรา แต่ถ้าแบบง่ายๆ ก็จะเป็นแบบ 3-day cycle เริ่มจาก
- Day1 : วันเตรียมผิว ให้พร้อมรับการดูแลจากเรตินอล (เรตินอลจะอยู่ day 2) โดยแนะนำให้ใช้ วิชี่ ลิฟแอคทีฟ วิตามินซี เซรั่ม 16% ทั้ง เช้า และ เย็น กลางคืนก็ตามด้วยไนท์ครีม และ กลางวัน ก็ตามด้วยกันแดด
- Day2 : วันทรีตเมนท์ โดยลง LIFTACTIV RETINOL SERUM บางๆ แล้วตามด้วยไนท์ครีม และเช่นเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น อย่าลืม กันแดด SPF50 PA++++
- Day3 :วันพักฟื้นผิว เป็นการปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้นกับผิวด้วย M89 Booster Pre-Serum ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง เช้าและเย็น และเช่นกัน กลางวันก็จะปิดท้ายด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด วนกลับมาที่ Day1 ใหม่
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับเทคนิคการใช้เรตินอล ควบคู่กับ ไฮยาลูรอน แบบง่ายๆ ทั้ง 2 แบบ สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกของเราได้เลย และนอกจากนี้เพื่อผิวที่สวย กระจ่างใส สุขภาพดี ก็อย่าลืมที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หลีกเลี่ยงปัจจัยทำร้ายผิว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการบริหารจัดการความเครียดด้วย
^ผลสำรวจในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดย AplusA และพันธมิตรร่วม ระหว่างเดือนมกราคม 2023 ถึง กรกฏาคม 2023 มีแพทย์ผิวหนังจาก 30 ประเทศเข้าร่วมโดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก