คุณเคยรู้สึกกังวลเวลาที่เห็นสะเก็ดสีขาวเล็ก ๆ ร่วงลงมาบนเสื้อผ้าสีเข้ม หรือรู้สึกคันยุบยิบกวนใจบนหนังศีรษะจนต้องเกาอยู่ตลอดเวลาบ้างไหม เชื่อว่าหลายคนคงเคยประสบปัญหาเหล่านี้ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาของรังแคที่สร้างความกังวลใจและบั่นทอนความมั่นใจให้กับใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้น ยิ่งทำให้ปัญหารังแคกำเริบหนักขึ้นกว่าเดิม รังแคไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะ ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ วันนี้ VICHY ขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับปัญหารังแค แต่ตั้งสาเหตุต้นตอ ไปจนถึงวิธีแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดด้วยผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคจาก VICHY
ทำความเข้าใจ รังแคคืออะไร พร้อมรู้ถึงสาเหตุ
รังแค คือ การอักเสบของหนังศีรษะ จนกระทั่งชั้นปราการผิวของหนังศีรษะ ถูกทำลายและหลุดลอกเป็นขุย โดย 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดรังแคมีดังนี้
ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์บนหนังศีรษะ
ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์บนหนังศีรษะ หรือที่เราเรียกว่าสมดุลของ “ไมโครไบโอม” นั่นเอง โดยพบว่า เชื้อยีสต์ที่ชื่อว่า Malassezia restricta เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรังแค เพราะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่า 10 เท่าในคนที่เป็นรังแค1 และทำให้สมดุลของจุลินทรีย์ชนิดอื่นที่เป็นตัวดี มีปริมาณลดลงด้วย เช่น Cutibacterium acnes
การผลิตน้ำมันที่มากผิดปกติ
การผลิตน้ำมันที่มากผิดปกติของต่อมไขมัน ซึ่งปกติ sebum หรือไขมันตามธรรมชาติจะเคลือบคลุมผิวและให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่ถ้ามีมากเกินปกติจะทำให้เชื้อยีสต์ Malassezia ในข้อ 1 เพิ่มจำนวนได้มากยิ่งขึ้นและนำเอาไขมันเหล่านี้ไปเป็นอาหาร สุดท้ายมีการขับของเสียออกจากตัวเชื้อรา กลายเป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น
ชั้นปราการผิวถูกทำลายและเสียสมดุล
ชั้นปราการผิวถูกทำลายและเสียสมดุล โดยที่สารก่อการอักเสบในข้อ 2 ทำให้ชั้นปราการผิวถูกทำลาย
อาการของรังแค
อาการของรังแคประกอบไปด้วย 3 ประการ ดังนี้
ขุย หรือสะเก็ด
ขุย หรือสะเก็ดของเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมาง ซึ่งจริง ๆ แล้วขุยของรังแค แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ขุยที่หลุดออกมาแล้วและเกาะติดอยู่กับเส้นผมหรือร่วงลงมาตามเสื้อผ้า (non-adherent flakes) กับอีกแบบ คือ สะเก็ดที่ยังเกาะติดอยู่บนหนังศีรษะ (adherent flakes) ซึ่งแบบหลังนี้จะกำจัดได้ยากกว่า และถ้าไม่ดูแลจนมีการอักเสบมากขึ้นจะสามารถกลายไปเป็นปัญหาหนังศีรษะอย่างอื่นตามมาได้อีก อย่างเช่น เซบเดิร์ม หรือ ผมร่วง
ความมันส่วนเกิน
ความมันส่วนเกิน เพราะปริมาณน้ำมันที่มากเกินไปเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อยีสต์ และกลายเป็นวัฏจักร วนเวียนส่งผลให้รังแคลุกลามได้มากยิ่งขึ้น
อาการคัน และผื่นแดง
อาการคัน และผื่นแดง มักจะมาพร้อมกัน เพราะสารก่อการอักเสบส่งผลให้ปราการผิวถูกทำลาย สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าผิวได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้เกิดอาการผื่นคัน ระคายเคือง และเมื่อเราเกาโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เกิดการถลอก อักเสบและติดเชื้อมากยิ่งขึ้นได้
วิธีการป้องกันรังแค
การดูแลปัญหารังแค สามารถทำได้หลายวิธี มารู้จักกับเทคนิคง่าย ๆ ในการป้องกันไม่ให้เกิดรังแคกันดีกว่า
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป เช่น เจล สเปรย์ หรือมูส อาจทำให้เกิดการสะสมของผลิตภัณฑ์บนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของรังแค หากจำเป็นต้องใช้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและล้างออกให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้
ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เช่น ควบคุมความเครียด เพราะความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดรังแคได้ พยายามผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี สังกะสี และโอเมก้า 3
สระผมอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี
สระผมอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี โดยแนะนำให้สระผมเป็นประจำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือตามความเหมาะสมกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบา ๆ อย่าเกาแรง ๆ ควรใช้ทรีทเมนท์บำรุงหนังศีรษะเป็นประจำ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และที่สำคัญระวังการใช้น้ำอุ่นจัดสระผมเพราะจะทำให้ปราการผิวอ่อนแอและทำให้ลอกเป็นขุยรังแคได้ง่าย
เลือกใช้แชมพูที่ขจัดรังแคโดยเฉพาะ
เลือกแชมพูที่มีส่วนผสมที่ช่วยขจัดรังแคโดยเฉพาะ เช่น ซีลีเนียม ไดซัลไฟด์ (Selenium disulfide), กรดซาลิไซลิค (Salicylic acid) ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผม
ขอแนะนำ แชมพูขจัดรังแค อันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ3 อย่าง DERCOS DS ช่วยจัดการรังแค โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้4 และยังช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้อีกด้วย4
Dercos DS ผสานการทำงานของ Selenium Disulfide 1% ซึ่งเป็นสารที่มีการยอมรับในทางการแพทย์ ในการจัดการกับเชื้อ Malassezia และมีส่วนช่วยปรับสมดุลของไมโครไบโอมบนหนังศีรษะให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง3 นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Salicylic acid 1% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อีกทั้งลดขุยของรังแคที่เกาะติดอยู่บนหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะสะอาดยิ่งขึ้นหลังจากใช้ครบ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และทำให้ชั้นปราการผิวแข็งแรงขึ้น อย่างวิตามิน อี และ เซราไมด์ จึงช่วยทำให้ลดโอกาสเกิดขุยรังแคได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับสูตรที่เหมาะสำหรับหนังศีรษะบอบบางแพ้ง่าย Hypoallergenic ให้เนื้อสัมผัสฟองโฟมนุ่ม สบายหนังศีรษะ รู้สึกสะอาดปราศจากรังแค พร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ รู้สึกสดชื่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนแชมพูยาทั่วไป อีกทั้งปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เพราะ ปราศจากสารกันเสียพาราเบน คนที่ผิวแพ้ง่ายจึงใช้ได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนที่อยากได้ทั้งผมที่นุ่มสลวย และปราศจากรังแคไปพร้อมกัน
วิธีการใช้
- แนะนำให้สระผมครั้งแรกเพื่อล้างความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปก่อน
- ส่วนการสระรอบที่ 2 ให้ขยี้แชมพู Dercos DS จนเกิดฟองและฟอกทิ้งไว้ 2 นาทีเพื่อให้แชมพูทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นี่คือข้อดีอีกหนึ่งอย่าง เพราะถ้าเป็นแชมพูยารักษารังแคทั่วไป มักจะต้องฟอกทิ้งไว้ 5 นาทีเพื่อการเห็นผลที่ดีที่สุด แต่ Dercos DS ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้ โดยลดระยะเวลาในการฟอกเหลือแค่ 2 นาทีเท่านั้น และ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
- แนะนำให้ใช้แชมพู Dercos DS สระอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่าสามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของรังแคได้ยาวนานถึง 6 สัปดาห์3
การดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงและปราศจากรังแคเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเลือกใช้แชมพูที่เหมาะสม การสระผมอย่างถูกวิธี และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะของคุณทั้งสิ้น หากคุณลองปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้แล้วแต่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับรังแคอยู่ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะของคุณโดยเฉพาะ เพราะหนังศีรษะที่สุขภาพดีคือพื้นฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง
- Clavaud C. PLoS One. 2013;8(3):e58203. doi: 10.1371/journal.pone.0058203. Epub 2013 Mar 6.
- ผลสำรวจในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดย AplusA และพันธมิตรร่วม ระหว่างเดือนมกราคม 2023 ถึง กรกฏาคม 2023 มีแพทย์ผิวหนังจาก 30 ประเทศเข้าร่วมโดยสามารถอ้างอิงถึงมากกว่า 80% ของ GDA ทั่วโลก
- ผลสำรวจโดย APLUSA และผู้ทำการสำรวจร่วมระหว่างเดือนมิถุนายน 2023 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งเป็นผลสํารวจที่มีแพทย์ผิวหนัง ทั้งหมด 29 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 80% ของ GDP ทั่วโลก
- Cécile Clavaud, Céline Michelin, Sayeh Pourhamidi, Sarah Ziane, Charles El Rawadi, Benoît Muller. Selenium disulfide: a key ingredient to rebalance scalp microbiome and sebum quality in the management of dandruff.